Data Center สู่ยุค Hybrid Cloud ด้วย VMware Cloud Foundation
จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจไปทั่วโลก องค์กรธุรกิจต่าง การดำเนินธุรกิจและวิธีการทำงานแบบใหม่ต้องปรับตัวเพื่อไม่ให้การดำเนินงานต้องหยุดชะงัก เป็นจังหวะและจุดเริ่มต้นที่ดีของการนำคลาวด์เทคโนโลยี (Cloud Technology) มาเข้ามาเพื่อเพิ่มความความยืดหยุ่นให้กับการทำงานและช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ช่วยลดความซับซ้อนยุ่งยากในการติดตั้ง การดูแลรักษาระบบรวมถึงการยังมีความยืดหยุ่นด้านค่าใช้จ่าย และสุดท้ายคือลดกระบวนการที่ต้องใช้บุคลากรในการดูแลรักษาระบบ
คลาวด์เทคโนโลยี (Cloud Technology) ที่หลาย ๆ องค์กร ได้เริ่มมีการนำมาใช้งานแล้ว แต่ในบางส่วนขององค์กรยังคงมีความกังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายแฝง หรือ เรื่องความปลอดภัยของข้อมูล รวมไปถึงข้อกังวลทางด้านกฎหมายว่าสามารถนำข้อมูลไปเก็บนอกประเทศได้หรือไม่ การใช้งาน Hybrid Cloud จึงกลายเป็นทางเลือกที่หลากหลายองค์กรเลือกมาใช้แก้ปัญหาดังกล่าว โดยหนึ่งใน Solution นั้นคือ VMware Cloud Foundation (VCF) นั่นเอง โดย Solution นี้จาก VMware ได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาขององค์กรในส่วนต่าง ๆ เพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับการใช้งาน Hardware และง่ายในการบริหารจัดการ เปิดให้องค์กรสามารถจัดการ Workload ทั้งจาก On-premise และ Public Cloud ได้ตามความต้องการ และตอบโจทย์ในเรื่องกฎหมาย
การใช้งาน Hybrid Cloud สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือการรักษาความปลอดภัยข้อมูลขององค์กรหรือลูกค้าของVMware ได้สร้างสถาปัตยกรรมความมั่นคงและปลอดภัย ในรูปแบบ Zero Trust ที่ทันสมัยเพื่อสร้างความไว้วางใจในการใช้งานบนพื้นฐานของ VCF Infrastructure ที่สามารถมั่นใจได้มากกว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยแบบเดิม กำหนดให้มีการเข้าถึงทรัพยากรอย่างจำกัดโดยการสร้างเงื่อนไขและกำหนดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้งาน หรือกำหนดรูปแบบการเข้าใช้แอปพลิเคชั่นนั้น ๆ ให้เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนดเงื่อนไข ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานข้อมูลให้กับ
VMware NSX ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ VMware Cloud Foundation (VCF) ในการสร้างระบบเสมือนที่ครอบคลุมการใช้งานหน่วยประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย แอปพลิเคชัน และการทำงานของเวอร์ช่วลแมชชีนต่าง ๆ ที่มี Feature สำคัญอย่าง Service-defined Firewall ซึ่งจะลดช่องโหว่ของระบบ Firewall ภายในองค์กร ด้วยการทำ Micro-segmentation จำกัดการสื่อสารเฉพาะ Workload งานที่เกี่ยวข้องกันเท่านั้น เช่น กำหนดให้ Database สามารถสื่อสารข้อมูลได้กับ Application เท่านั้น ห้ามสื่อสารไปภายนอกโดยตรง การทำงานลักษณะนี้จะช่วยลดช่องทางการโจมตีจากทั้ง Malware หรือ Hacker โดยสามารถใช้งานได้ทั้งระบบที่ติดตั้งในองค์กรที่ On-primes และ On-Cloud นอกจากนั้น NSX เองยังมีความสามารถอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Routing, Switching, Load Balance, IDS, IPS, VPN and Connectivity to Physical โดยทีมที่ดูแลเรื่อง Network Security จะสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อมูลทั้งแบบเสมือนหรือแบบกายภาพ สามารถใช้งานได้กับ Containerized และ Cloud workload ได้ โดยจะช่วยลดภัยคุกคามทั้งภายในและ ภายนอกได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยหลีกเลี่ยงความเสียหายของระบบเครือข่ายที่เกิดจากภัยคุกคามอื่นๆ ที่จะเข้ามาด้วย
Hybrid Cloud: ตอบโจทย์การเสริมความมั่นคงให้ระบบ IT พร้อมรองรับความคุ้มค่าในระยะยาว
- การทำให้ธุรกิจสามารถเลือกนำ Workload ที่มีอยู่ไปใช้งานบน Infrastructure ที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดได้อยู่เสมอ
- การรองรับการทำ Disaster Recovery ได้อย่างไม่ซับซ้อน
- การดูแลรักษาและอัปเกรดระบบได้อย่างง่ายดาย ด้วยประสบการณ์เดียวกันไม่ว่าจะใช้งานบนระบบใด
- การออกแบบระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยได้อย่างครอบคลุม ทำให้ Security Policy เดียวสามารถใช้งานได้บนทุกๆ ระบบ
- การเพิ่มขยายหรือลด Workload บน Hybrid Cloud ได้ตามต้องการ ทำให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์
- การแก้ไขปัญหา Vendor Lock-In ทำให้องค์กรไม่ต้องถูกผูกขาดอยู่กับผู้ให้บริการ Cloud เพียงรายใดรายหนึ่ง แต่เลือกใช้ Cloud Service ที่ต้องการได้อย่างอิสระ
Explore Our Blog Posts
Stay updated with our latest blog posts.
OSI 7 Layers
Wi-Fi 6 vs Wi-Fi 7: ก้าวสู่อนาคตของการเชื่อมต่อที่เร็วและเสถียรกว่าเดิม
มาทำความรู้จักกับสายสัญญาณกันเถอะ Part 2 (Fiber Optic)
Join our newsletter for updates
Stay informed with our latest news and promotions